ศรีธาตุอะไหล่ฟอร์ด

จำหน่ายอุปกรณ์การเกตร สำหรับ ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง นาข้าว ฯลฯ
***สินค้ารับประกันคุณภาพ และความพึงพอใจ***
สายด่วน โทร 089-9800-786
ID LINE : sukanyasuknet



วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เยี่ยมบ้านเกษตรกรต้นแบบ: ข้าวนาหยอด


จากบทความ   :  ข่าวเด่นแวดวงเกษตรกร


เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมาทางทีมงานได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมเยือนเกษตรกรต้นแบบที่จังหวัดอุดรธานี คือพี่งามตา มังคลเสน เกษตรกรต้นแบบชาวไร่อ้อย และนาข้าว ในครั้งนี้พี่งามตาได้พาเราไปดูแปลง นาหยอดข้าวแห้งพี่งามตาเล่าให้ฟังว่า ในพื้นที่แถวบ้าน (อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี) เกือบทั้งหมดเป็นดินร่วนทราย และต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก การทำนาต้องฝากไว้กับฟ้า กับฝน ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะตกต้องตามฤดูกาล เดี๋ยวมาเร็วบ้าง ช้าบ้าง มากจนท่วม หรือมาน้อยจนแล้ง ซึ่งเราควบคุมไม่ได้เลย ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการที่เราเคยทำอยู่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติจะง่ายกว่า

เมื่อสมัยก่อนการทำนาโดยทั่วไปจะทำนาดำ แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้แรงงานหายาก ราคาแพง จึงเปลี่ยนมาทำนาหว่านข้าวแห้งกันส่วนมาก แต่การทำนาหว่านจะต้องเสี่ยงกับศัตรูพืชเข้าระบาดได้ง่ายเพราะข้าวจะขึ้นแน่นเกินไป การระบายอากาศในแปลงไม่ดี เรียกได้ว่าเป็นแหล่งสะสมโรคและแมลงเลยทีเดียว ครั้นจะลดปริมาณเมล็ดพันธุ์ลง ก็เสี่ยงจากนก หนูที่จะต้องมาแบ่งเมล็ดพันธุ์ไปเป็นอาหาร และก็ยังมีสภาพอากาศที่แปรปรวนมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยง จึงคิดหาวิธีการในการปลูกข้าวแบบใหม่ นั้นก็คือ นาหยอดข้าวแห้งซึ่งก็เริ่มมีการใช้วิธีนี้กันบ้างแล้วในบางพื้นที่ แต่ยังไม่แพร่หลาย 


จุดที่น่าสนใจของการทำนาหยอดก็คือ ลดปัญหานกหนูมารบกวนเมล็ดพันธุ์ เพราะเครื่องหยอดสามารถฝังเมล็ดพันธุ์ได้ลึกถึง 10 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังเป็นตำแหน่งที่มีความชื้นดินเหมาะสม และป้องกันข้าวล้มได้ดี จุดสำคัญของการทำนาหยอดคือข้าวจะขึ้นเป็นแถว มีช่องว่างพอที่จะให้ข้าวแต่ละเมล็ดมีพื้นที่การเจริญเติบโตได้เต็มที่ และยังมีระยะใต้ทรงพุ่มทำให้อากาศระบายได้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาศัตรูพืชได้มาก ส่วนเรื่องปัญหาสภาพอากาศนั้นก็ลดไปได้บางส่วนเนื่องจากเครื่องหยอดทำงานได้เร็วคือ ประมาณ 15-20 ไร่ต่อวัน ทำให้ทำงานได้ทันในช่วงเวลาที่เหมาะสม เรียกได้ว่าทันฟ้า ทันฝน เพราะการเตรียมเมล็ดก็ไม่ยุ่งยากเพราะหยอดข้าวแห้ง ไม่ต้องเตรียมอะไรมากสามารถบรรจุเมล็ดพันธุ์ใส่เครื่องหยอดและนำไปปลูกได้ทันที และที่สำคัญใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 10 กิโลกรัมต่อไร่เท่านั้น
 



ในการทำนาหยอด ขั้นตอนแรกให้ไถเตรียมแปลง แล้วรอจนฝนตกลงมาพอดินชื้น เมื่อแน่ใจว่าความชื้นดินเพียงพอแล้ว ให้ไถพรวนด้วยจอบหมุนอีกครั้งเพื่อกำจัดวัชพืช ย่อยดิน และปิดความชื้น หลังจากเตรียมแปลงเสร็จสามารถนำเมล็ดพันธุ์บรรจุใส่เครื่องหยอดและทำการหยอดได้ทันที ทดสอบบนพื้นดินโดยไม่ต้องฝังเมล็ดก่อนเพื่อดูอัตราการหยอดของเมล็ด เพราะสภาพเมล็ดที่แตกต่างกันจะทำให้อัตราการหยอดไม่เท่ากัน การจะหยอดได้สม่ำเสมอนั้นต้องเตรียมดินให้ละเอียด ปรับพื้นที่ให้ราบเรียบ โดยการใช้จอบหมุนปั่น 1-2 ครั้งก็เพียงพอ

ปัจจุบันแถวนี้กำลังได้รับความนิยม แต่ละปีจะมีคนมาติดต่อพี่งามตา ให้ไปปลูกให้จนจัดคิวไม่ทัน เพราะได้เห็นแปลงตัวอย่างที่ข้าวขึ้นเป็นแถวเป็นแนว สวยงาม และที่สำคัญประหยัดต้นทุน และได้ผลผลิตไม่แพ้นาดำเลยทีเดียว


บทความจากลูกค้าผู้ที่ทดลองใช้เครื่องหยอดข้าวนาแห้ง (เครดิตเรื่อง คุณทิดสิท)

จากการทดลองเครื่องหยอดข้าวแห้งติดรถไถเดินตาม แบบ 4 แถว วิธีทำมีดังนี้
1.ไถดะกลับดินไว้ 2- 4 อาทิตยืเพื่อให้หญ้าตายแล้วตากดินให้แห้งร่วน ๆ เวลาปั่น 
2.ใช้โรตารี่ปั่นดินให้ละเอียด 
3.ใช้ข้าวแห้ง ๆ หยอดเป็นแถวด้วยเครื่องหยอดข้าวแห้ง 
4.รอดินมีความชื้นข้าวก็งอก 
5.ข้าวไม่เป็นข้าวตายนึ่ง (คือไม่งอกก่อนแล้วมาหยอดเหมื่อนนาหว่าน) เพราะเมล็ดข้าวแห้ง ๆ นั้นจะค่อย ๆ สะสมความชื้นและงอกเองตามธรรมชาติของข้าว 
6.ข้าวที่หยอดไว้นั้นจะถูกกลบด้วยเครื่องหยอด นกไม่มากิน 
7. เวลาทำนาก็ทำต้นปี กอข้าวจะแข้็งแรงกว่าต้นกล้าจากนาดำ เพราะไม่ได้ถูกถอนมาปลูก 
8. ลดขั้นตอนการทำนาไปเยอะมาก ๆ แถมยังทำได้ง่ายรวดเร็วมาก ๆ ใช้แรงงานในการทำนาน้อยมาก ๆ 1 คนก็ทำนาเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง 
9.เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ใช้น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับนาหว่าน และนาดำ อย่างนาตัวอย่าง 2 ไร่ใช้เมล็ดข้าวไปไม่ถึง 25 กก. 
10. งานตัดหญ้าคันนา ดูน้ำ แม้ฝนแล้งหรือทิ้งช่วงข้าวก็จะไม่ตายง่าย เพราะได้ปรับตัวเองตั้งแต่เกิด 


ข้อเสีย....มีดังนี้ 
1.หญ้าอาจจะเยอะ เพราะเมล็ดหญ้าจะเกิดง่ายพร้อม ๆ กับข้าว แต่ถ้ามีการวางแผนเรื่องน้ำดี ๆ ก็ง่าย หญ้าขึ้นก็เอาน้ำเข้าแปลงนาให้ท่วมหญ้าเลย 
2. ต้องลงทุนในเรื่องเครื่องหยอดข้าว แต่ถ้าคิดว่าเป็นการลงทุนในอนาคตก็คุ้มค่า